แถลงการณ์ ทบทวนและยกเลิกการกล่าวหานักวิชาการและนักกิจกรรม 5 คน และยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558
แถลงการณ์
ทบทวนและยกเลิกการกล่าวหานักวิชาการและนักกิจกรรม 5 คน
และยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.
ที่ 3/2558
ตามที่มีการจัดประชุมวิชาการไทยศึกษา ครั้งที่ 13
ที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 15-18 กรกฎาคม 2560 ในระหว่างการจัดงาน ทางกลุ่มนักวิชาการนานาชาติได้อ่านแถลงการณ์
“ขอคืนพื้นที่ความรู้และสิทธิเสรีภาพของพลเมืองในสังคมไทย” เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม
2560 และต่อมา ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ
ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาคศึกษาด้านสังคมศาสตร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นประธานกรรมการและประธานฝ่ายวิชาการจัดงานประชุมไทยศึกษาครั้งที่
13 ดังกล่าว นายธีรมล บัวงาม นักศึกษาปริญญาโท คณะการสื่อสารมวลชน
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นบรรณาธิการสำนักข่าวประชาธรรม นางสาวภัควดี วีระภาสพงษ์ นักแปลและนักเขียนอิสระ นานชัยพงษ์
สำเนียง นักศึกษาปริญญาเอกคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนลธวัช มะชัย
นักศึกษาปริญญาตรีคณะการสื่อสารมวลชน
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ได้รับหมายเรียกจากตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน
สถานีตำรวจช้างเผือก ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2560 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาว่าบุคคลทั้ง 5 ได้ ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ
ซี่งห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ
ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายนั้น
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรข้างท้ายขอแสดงความคิดเห็นและเสนอข้อเรียกร้อง ดังต่อไปนี้
1) การประชุมวิชาการไทยศึกษา
เป็นเวทีทางวิชาการเพื่อนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับภูมิปัญญาความรู้ท้องถิ่น
ปัญหาสังคม ความรู้เพื่อนบ้าน และเป็นเวทีวิชาการที่ “วิพากษ์รัฐและทหาร” ด้วย
ซึ่งการวิพากษ์รัฐในเวทีไทยศึกษาเป็นธรรมเนียมทางวิชาการที่ถือปฏิบัติกันมาเกือบสี่ทศวรรษของการจัดงานนี้
ไม่ว่ารัฐนั้น จะเป็นรัฐภายใต้รัฐบาลทหาร หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ตาม
2) ในการประชุมวิชาการไทยศึกษาครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหลายหน่วยงานทั้ง “ทหาร”
และ “ตำรวจ” เข้ามาแฝงตัวในกลุ่มผู้เข้าประชุม มีการถ่ายภาพผู้อภิปราย ผู้เข้าร่วม
อันเป็นการคุกคามประชาคมวิชาการ
และเป็นการแทรกแซงเวทีวิชาการโดยรัฐเป็นครั้งแรกของการประชุมไทยศึกษา
ซึ่งนักวิชาการไทย ประชาชนไทย และนักวิชาการต่างประเทศที่เข้าร่วมประชุม
ไม่อาจยอมรับการกระทำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดังกล่าวได้
3) การออกหมายเรียกนักวิชาการทั้ง 5 คน
โดยพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ดังกล่าวถือเป็นการละเมิดเสรีภาพทางวิชาการและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
ที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ
และพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยไทยมีอยู่ตามกติการะหว่างประทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ข้อ 19 ซึ่งการใช้เสรีภาพทางวิชาการและการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นที่กระทำโดยสงบ
ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของสังคมหรือของชาติได้แต่ประการใด
4) คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 ซึ่งออกมาบังคับใช้แทนกฏอัยการศึก
ไม่ควรถูกนำมาบังคับใช้ในสภาวะปกติที่ประเทศไม่ได้อยู่ในสภาวะสงครามหรือสภาวะฉุกเฉินอันเป็นภัยคุกคามความอยู่รอดของประเทศ
การดำรงอยู่และการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ขัดต่อข้อ 4
ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม การใช้อำนาจตามคำสั่งดังกล่าวมาออกหมายเรียกประชาขน จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีความชอบธรรมตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
5) ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อทบทวนการตั้งข้อหานักวิชาการและนักกิจกรรม
ทั้ง 5 คน ดังกล่าวโดยเร็ว และขอให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก
และเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญของความปรองดองของคนในชาติ
สร้างสรรค์สังคมประชาธิปไตย และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศชาติต่อไป
18 สิงหาคม 2560
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.)
มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา(HRDF)
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
(สนส.)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น